สำหรับเกมเมอร์แล้ว ถ้าพูดชื่อ Final Fantasy ก็น่าจะรู้จักกันอย่างแน่นอน เพราะเป็นเกมแนว RPG ในตำนานที่มีมายาวนานมากๆ ด้วยเนื้อเรื่องแต่ละภาคที่เข้มข้นแต่ไม่คนจาง ด้านกราฟฟิกก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ตามยุคสมัย เพลงประกอบของเกมนี้ก็ยังเป็นอีกส่วนที่ทำให้แฟนๆ ต่างหลงรัก และจดจำได้เป็นอย่างดี
และทางทีมงาน GG2 ได้รับเกียรติเข้าร่วมชมการแสดงออเครสต้าอย่าง Distant Worlds : Music From Final Fantasy ที่จัดมาแล้วถึง 11 ปีและครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้จัดแสดงในประเทศไทยหลังจากที่มีการแสดงมาแล้วในหลายๆประเทศที่ขอบอกเลยว่าตื่นเต้นสุดๆไปเลยล่ะ
ซึ่งภายในงานมีอะไรบ้างเดี๋ยวจะรีวิวให้อ่านละกันจ้าาา
ป.ล. ทางทีมได้ดูรอบวันที่ 1 ธันวาคมนะ.. Setlist เพลงของทั้งสองรอบจะไม่เหมือนกันจ้า
งานนี้บอกเลยว่า พอประกาศการแสดงมาแฟนๆ ไฟนอลก็หวีดกันรัวๆ โดยเฉพาะเพื่อนในเฟซของคนเขียนที่ออกมาแชร์อีเว้นท์กันเต็มเลย พอถึงวันเปิดจองบัตร กระแสตอบรับเรียกว่าดีมากระดับที่ว่าบัตรแทบจะเต็มวันนั้นเลยทีเดียว
คอนเสิร์ตรวมพลคนรัก Final Fantasy
พอถึงหน้างานก็ดูคึกคักเป็นพิเศษ เหมือนเป็นงานมีตติ้งรวมพลคนรัก Final Fantasy ขนาดย่อมเลยก็ได้ เพราะเท่าที่เห็นแต่ละคนก็มีทั้งของ ตุ๊กตา หนังสือ ที่เกี่ยวกับไฟนอลเต็มไปหมด บาางคนก็คอสเพลย์มาร่วมงานด้วย ทำให้บรรยากาศดูสนุกขึ้นไปอีก รู้สึกได้ถึงความอินของแต่ละคนเลย
นอกจากนี้หน้างานก็มีของขายด้วย ทั้งเสื้อยืด แผ่นไวนิล ซีดี บลู–เรย์ เพลงประกอบไฟนอล ตุ๊กตาอีก… แต่ตอนไปถึงของก็เริ่มหมดไประดับนึงแล้วเหมือนกัน และทีมงานก็เริ่มกระกาศให้เข้าสู่ฮอลล์จัดแสดง
Press Start to Begin the Concert
เริ่มต้นคอนเสิร์ตด้วยการสะบัดไม้คอนดักเตอร์ของคุณ Arnie Roth และวงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทย ที่มากับเพลงคุ้นหูอย่าง Prelude ที่บรรเลงด้วยฮาร์ปพริ้วๆ และกลุ่มคอรัสที่ค่อยๆ ประสานเสียง ไปพร้อมกับเสียงเครื่องสายเพื่อเป็นการวอร์มแฟนๆ ไฟนอล ก่อนที่จะเล่น Liberi Fatali จาก FFVIII
แน่นอนว่าคอนเสิร์ตนี้จะไปต่อไม่ได้ ถ้าไม่ได้เล่น Victory Theme สุดคลาสสิค และเข้าสู่เพลง Apocalypsis Noctis จาก FFXV และเริ่มเดินเครื่องบรรเลงกันต่อเนื่องยาวๆไปเรื่อยๆ
แขกรับเชิญผู้มากความสามารถ
ไม่ได้มีแค่การบรรเลงเพลด้วยวงออเครสต้าเพียงอย่างเดียว ยังมีคุณ Susan Calloway เจ้าของเสียงร้องเพลง Answers จาก FFXIV มาร่วมร้องอีกด้วย นอกจากเพลง Answers แล้ว เธอยังได้ร้องเพลงอย่าง Kiss Me Good-Bye จาก FFXII , และเพลงดังอย่าง Eyes On Me อีกด้วย (ส่วนวันที่ 2 คุณ Susan ได้ร้องเพลง Melodies of Life จาก FFIX และ Dragonsong จาก FFXIV แทน Answers และ Kiss Me Good-Bye)
นอกจากนี้ยังมีคุณ Yoko Shimomura นักแต่งเพลงวีดีโอเกมชื่อดังจากญี่ปุ่น ที่ฝากผลงานไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Kingdom Hearts, Mario & Luigi RPG, Seikan Densetsu (Mana) และ Final Fantasy XV ที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากแฟนๆ ทั้งฮอลล์เลยก็ว่าได้
ระดมเพลงสุดฮิตเพื่อแฟนๆ ไฟนอลเต็มๆ
สำหรับคอนเสิร์ตครั้งนี้เรียกได้ว่าขนเพลงมาเล่นกันแบบจุใจเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นเพลง Chocobo ที่เป็นเวอร์ชั่น Medley รวมจากหลายๆ ภาคมาเล่นในเพลงเดียว, Theme of Love จาก FF IV, Not Alone จาก FFIX, To Zanarkand จาก FFX, Bombing Mission เพลงเปิดจาก FFVII
และแน่นอนว่า เพลงสุดท้ายทิ้งทวนด้วยเพลงในตำนานที่คุณ Arnie Roth บอกไว้ว่า แค่ 3 พยางค์ ทุกคนก็สามารถร้องเพลงนี้ได้แน่นอน นั่นก็คือ One-Winged Angel จาก FFVII นั่นเอง
ซึ่งในเพลงนี้คนดูจะได้ตะโกนสุดเสียงกับคำว่า “เซฟิรอธ” กันอย่างสนุก และเป็นการจบคอนเสิร์ตที่ประทับใจสุดๆ
คอนเสิร์ต Final Fantasy ที่อยากให้แฟนไฟนอลควรดูสักครั้งในชีวิต
ส่วนตัวรู้สึกว่าเป็นคอนเสิร์ตออเครสต้าที่มีความอบอุ่นสูงมากๆ เพราะทั้งฮอลล์เต็มไปด้วยคนรักไฟนอลมาดูกันจริงๆ เลยทำให้บรรยากาศในการดูสนุก ครึกครื้น และตื้นตันไปตลอด รู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็วมากๆ ด้วย
และที่สำคัญถ้ามีการจัดงานนี้ครั้งต่อไป อยากให้แฟนๆ Final Fantasy ไปดูกันให้ได้จริงๆ เพราะว่าเพลงแต่ละเพลงที่นำมาเล่นทำให้หลายๆ คนลั่น หรือกรีดร้อง (แบบเล็กๆ เกือบทุกครั้งที่อินโทรเพลงขึ้น) และที่สำคัญ คุ้มค่าบัตรที่จ่ายไปทุกบาทแน่นอน 🙂