เชื่อว่าทุกคนที่เล่น PS4 หรือเพื่อนที่เล่นน่าจะเคยเจอกับคำถามแบบนี้มาบ้าง โอเคถ้าบ้านใครมีทีวีแจ่มๆ อยู่แล้วก็ไม่ต้องคิดเยอะ แต่บางคนก็มีปัญหาเรื่องพื้นที่ หรือไม่อยากซื้อทีวีมาแค่เล่นเกม แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจอที่มีมันจะใช้งานได้หรือไม่ วันนี้ทีมงาน GG2 เลยรวบรวมคำถามสุดฮิตเกี่ยวกับการต่อ PS4 เข้าจอมาเคลียร์ให้ฟังกัน ใครที่อ่านแล้วกระจ่างแจ้งยังไง แชร์ให้เพื่อนอ่านกันได้เลย!
คำตอบง่ายๆ ได้! และง่ายด้วยนะ
เพราะว่าปกติแล้วพอร์ตการเชื่อมต่อจอยุคใหม่ก็ใช้สาย HDMI กันเป็นส่วนมาก เพราะฉะนั้นแค่ “เสียบ” จึ๊กเดียว ก็เสียวได้ทันที และถ้าใครใช้จอคอมต่อคอมทำงานไปด้วย ก็สามารถใช้พอร์ตอื่นต่อคอมแทนได้ แล้วเวลาอยากเล่นเกม/เล่นคอม ก็กดสลับ input เอาที่จอได้เลย (หนึ่งในทีมงาน GG2 ก็ใช้แบบนี้อยู่เช่นกัน)
คำถามต่อมาก็คงหนีไม่พ้น “แล้วต้องเป็นจอคอมแบบไหนถึงจะใช้ได้” คำตอบคือได้หมดเลย! แต่ถ้าจะให้ดีควรเป็นจอความละเอียด 1920 x 1080 หรือ 1080p เพราะเป็นความละเอียดมาตรฐานของเกม PS4
ซึ่งปัจจุบันจอคอมความละเอียด 1080p ก็สามารถหลับตาหาเอาได้ทั่วไปเลย ส่วนเรื่องพาเนล/สีสันของจอภาพ ก็ตามความชอบ (เดี๋ยวเราจะแยกมาเป็นอีกโพสต์ให้โดยเฉพาะนะ)
อ่าว ถ้าเกิดเรามี PS4 Pro ที่สามารถเล่นเกม 4K (Checkerboard Rendering) ได้ล่ะ เราก็ควรมีจอ 4K ถูกมั้ย
ถูก และไม่ถูก จริงอยู่ที่ถ้าเรามีจอ 4K ก็จะสามารถเล่นเกมได้สวยคมกว่าแน่ๆ แต่ถ้าเรามีแค่จอ 1080p การเอามาต่อเล่นกับ PS4 Pro ก็ไม่ใช่เรื่องผิด อยากรู้มั้ยเพราะอะไร กดหน้าต่อไปเลยครับ
PS4 Pro นั้นเมื่อต่อกับจอ 1080p จะได้ลูกเล่นเพิ่มเติมกว่า PS4 ธรรมดาอยู่เหมือนกันดังต่อไปนี้
1. สามารถเลือกโหมด Supersampling เพื่อจำลองความละเอียด 4K ขณะเล่นเกมได้ (ลองแคปจอออกมาดู ภาพเป็นความละเอียด 4K เลยเธอ)
2. บางเกมมีให้เลือกเล่นด้วยเฟรมเรทลื่นๆ ที 60 fps บวกลบ โดยแทนด้วยการเรนเดอร์เพียง 1080p เช่น God of War (Performance Mode)
3. มีการอัปเกรดรายละเอียดของกราฟิกให้สวยขึ้นเล็กน้อยในบางเกมที่เลือกเล่นแบบ 1080p
4. บางเกมอาจมีเฟรมเรทที่ตกกว่าปกติในบางฉาก ซึ่งความแรงของ PS4 Pro ก็จะมาช่วยพยุงไม่ให้กระตุกเยอะเกินไปด้วย
ถ้าจอเราไม่มีลำโพง แต่ก็ไม่อยากต่อหูฟังจากจอย เราต้องใช้ USB Soundcard หรือ DAC (Digital to Analog Converter) เสียบที่ PS4 และเสียบลำโพง/หูฟังออกจากตัวมัน จบได้ทันที ซึ่ง USB Soundcard นั้นมีหลายระดับตั้งแต่ไม่กี่ร้อยยันเป็นหมื่น สามารถเลือกซื้อได้ตามความชอบและกำลังทรัพย์ของเราได้เลย
อ้อ USB Soundcard แบบถูกๆ ต้องระวังให้ดี เพราะเสียงมันอาจจะออกก็จริง แต่กำลังขับมันน้อย ทำให้เสียงเบามาก
ทีนี้พอรู้แล้วว่า PS4 มันต่ออะไรก็ได้ คงมีหลายคนเริ่มคิดว่าเอ๊ เราควรใช้อะไรดีล่ะ งั้นไปดูข้อดีข้อเสียของมันกันดีกว่า
ข้อดีของทีวี
1. มีขนาดจอให้เลือกมากมายตั้งแต่ใหญ่กว่าจอคอมนิดหน่อยไปจนถึงเท่าฝาบ้าน ได้เล่นเกม/ดูหนังแบบเต็มตาเต็มอารมณ์สุดๆ
2. สีสันของทีวีมักถูกปรับแต่งมาตั้งแต่กระบวนการผลิตเพื่อให้อรรถรสในการชมสื่อบันเทิงแบบสูงสุด อีกทั้งชนิดของจอก็มีผลเหมือนกัน เช่นปัจจุบันจอ OLED ก็กำลังมาแรงในเรื่องของมิติ สีสัน และความดำที่ล้ำลึก
3. ปกติแล้วทีวี 4K ปัจจุบันจะรองรับ HDR10 (High Dynamic Range) แทบทุกรุ่น รวมถึงสื่อต่างๆ ทั้งหนังกับเกมก็ออกแบบ HDR มามากมาย ทำให้ทีวีถือเป็นตัวจบเรื่องภาพกว่าจอคอมจริงๆ
4. นอกจากต่อเล่นเกมแล้ว ทีวีปัจจุบันยังเป็นสมาร์ททีวีในตัว สามารถดูหนังออนไลน์ได้ผ่านแอปโดยที่ไม่ต้องไปต่อกับอะไรด้วยซ้ำ แถมบางตัวมีระบบปฏิบัติการแบบสมาร์ทโฟนเลยด้วย เรียกได้ว่าใช้งานได้หลากหลายกว่าจริงๆ
ข้อดีของจอคอม
1. สำหรับคนที่ใช้งานคอมพิวเตอร์และไม่ได้อยากซื้อทีวีเพิ่ม การต่อเครื่อง PS4 กับจอคอมก็สามารถทำได้ง่ายๆ แถมกดเลือก input เพื่อสลับการใช้งานได้ง่ายๆ โดยเรายังนั่งเล่นอยู่ที่เดิม
2. ไม่ใช่เพราะขนาดจอเล็กเพียงอย่างเดียว แต่จอคอมปัจจุบันก็กินไฟต่ำกว่าทีวีค่อนข้างมาก (เพราะไม่ได้มีระบบเรื่องภาพซับซ้อนเท่าทีวี) ทำให้ค่าไฟไม่ใช่ปัญหาแน่นอนถ้าต่อเล่นกับคอม
3. ถ้าใครใช้จอคอมมานานจะรู้เลยว่านอกจากปัญหาแบบแรนด้อมที่ซวยจริงๆ มันเป็นของที่แทบไม่พังเลย จอตัวนึงอาจมีอายุได้หลัก 10-20 ปีสบายๆ
4. อีกจุดเด่นของจอคอมที่หลายคนพูดถึงก็คือ “ไวกว่า” หรือมีค่า Input Lag (การป้อนข้อมูลผ่านจอยเกมเข้าไปเป็นแอ็คชั่นที่ปรากฏบนจอ) น้อยกว่า ทำให้การตอบสนองต่อเกมบางเกมรวดเร็วกว่า แต่ข้อนี้ต้องบอกว่าความจริงแล้วค่านี้อาจไม่ได้ส่งผลมากขนาดนั้น และทีวีปัจจุบันหลายตัวก็มี Gaming Mode ที่ลดค่า Input Lag มาให้ด้วยนะ
อ่าวแล้วจอคอมที่มีค่า Refresh Rate สูงๆ เช่น 144Hz จะทำให้ภาพในเกมลื่นไลกว่าปกติมั้ย คำตอบคือไม่เลย เนื่องจากเกมในเจน PS4 นั้นจะถูกล็อคเฟรมเรทไว้อย่างเก่งก็ 60 fps เท่านั้น เพราะฉะนั้นใช้จอ 60Hz ปกติน่าจะคุ้มกว่าเยอะ (เว้นแต่เล่นเกมคอม 144Hz อยู่แล้ว)
แล้ว HDR เนี่ย ก็เห็นในจอคอมเหมือนกันนะ มันแย่กว่าทีวียังไง
ก่อนอื่นรู้จักกับ HDR กันก่อน มันคือ High Dynamic Range เป็นภาพที่มีส่วนเปรียบต่างทั้ง “ความสว่าง” และ “ความมืด” อยู่ในภาพเดียวกัน ทำให้เราสามารถเห็นทั้งแสง เงา รายละเอียดในที่มืด รายละเอียดในที่สว่างได้แบบจัดเต็ม หรือพูดง่ายๆ ว่าภาพ HDR จะมีแสงสีที่ดูสวยและน่าสนใจกว่าปกตินั่นเอง
ทีนี้จอที่บอกว่า “รองรับ HDR” ก็จะมีหลายระดับ เนื่องจากการแสดงภาพ HDR จะต้องมีค่ามาตรฐานต่างๆ ที่ผ่านเกณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นความสว่าง ความดำ หรือบิตของสี บางตัวที่ “พอผ่าน” ก็อาจจะแสดงภาพ HDR ได้ในระดับหนึ่ง ต่างจากเดิมไม่มาก แต่บางตัวที่มีค่าเหล่านี้สูง ก็จะแสดงภาพ HDR ได้สวยงามกว่า
ซึ่งก็เป็นทีวี 4K ที่เก่งในเรื่องนี้กว่าจอคอม เพราะออกแบบมาเพื่อความบันเทิงชัดเจนกว่า
ดูจอคอมที่รองรับมาตรฐาน VESA CERTIFIED DisplayHDR ได้ที่นี่ : https://displayhdr.org/certified-products/
สรุป! เลือกเอาตามใจต้องการเลย ไม่ว่าจะจอคอมเล็กแจ่มสบายตา ถึกทนกินไฟต่ำ หรือจะจัดเต็มกับทีวีจอยักษ์ก็สุดทางดี
แต่อยากให้ทุกคนจำสรุปง่ายๆ ว่า
ต่ออะไรก็ได้ ขอแค่มี HDMI กับ 1080p ก็เพียงพอ