สำหรับวงการเกมมิ่งแล้ว ‘ของมันต้องมี’ ก็เป็นอีกเรื่องสำคัญที่ยอมกันไม่ได้ เพราะถ้าของครบ ก็สามารถสร้างความมั่นใจเมื่อต้องเข้าสู่สนามรบได้ก่อน โดยเฉพาะเรื่อง ‘เสียง’ เป็นอีกเรื่องสำคัญของเกมเมอร์ทุกคนอย่างแน่นอน และการที่จะทำให้เราได้ยินเสียงที่ ‘ยอดเยี่ยม’ กว่าที่เคยฟังกันทุกวัน มันก็มีวิธี

ข้อมูลไฟล์เสียงดิจิทัลนั้นกว่าเราจะฟังออกมาเป็นเสียงได้ ก็จะต้องถูกแปลงผ่านวงจร DAC อันนี้ก่อน

โดยชิป/วงจร DAC ปกติก็จะมีอยู่ในอุปกรณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวันเราอยู่แล้ว ซึ่งเราก็แค่เสียงหูฟัง/ลำโพงเข้าไปเพื่อให้เกิดเสียงออกมานั่นเอง

แน่นอน ปกติอุปกรณ์หรือเครื่องเกมต่างๆ ก็สามารถเสียบหูฟัง/ลำโพงเพื่อฟังเสียงได้อยู่แล้ว แต่การที่เราจะซื้อ Soundcard หรือ DAC เพิ่ม ก็ย่อมมีเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นของเก่าเสียงหาย ฟังไม่ได้ เบาเกิน หรือจะไม่มีรูให้เสียบ (เช่น PS4) และเหตุผลหลักก็คือ ‘เสียงไม่เทพพอ’ จึงต้องหา DAC แยกมาประมวลผลแทน

โดยชนิดของ DAC แบ่งหยาบๆ ได้ 2 ประเภทก็คือซาวด์การ์ดแบบภายในที่ติดตั้งกับ Desktop PC และแบบ USB DAC ที่บางรุ่นสามารถใช้ได้กับหลายอุปกรณ์เลยไม่ว่าจะคอมพิวเตอร์, สมาร์ทโฟน และเครื่องเกม

ในปัจจุบัน USB DAC เป็นที่นิยมมากเพราะสามารถเชื่อมต่อได้ง่ายเพียงแค่เสียบ USB และยังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้หลากหลาย แถมลูกเล่นมากมายอีกด้วย

USB DAC มีข้อดีสำหรับคอเกมอย่างแน่นอน โดยจะทำให้เสียงที่เราได้ยินนั้นมีคุณภาพ คมชัด สมจริงเข้ากับบรรยากาศที่เกมนั้นมอบให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงการเล่นเกมแบบ competitive ก็ได้เปรียบศัตรูด้วยทิศทางที่แม่นยำกว่าด้วย

คนที่อยากได้ USB DAC นั้น ปกติแล้วจะสามารถหาซื้อได้ 2 วิธี คือติดมากับหูฟังบางรุ่น และซื้อแบบแยกมาใช้เลย โดยมีราคาให้เลือกตั้งแต่หลักร้อยยันหลักหมื่นเลยนะ!

สุดท้าย USB DAC แต่ละตัวก็ให้เสียงที่ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่ได้ไปลองฟังด้วยตัวเอง ก็ลองอ่านรีวิวดูว่าแต่ละตัวนั้นมีข้อดีข้อเสียอย่างไร เด่นในแนวเสียงไหนบ้าง

 

About :
zealotzephyr
เกิดอาการเธอหมูกรอบฉัน ฉันหมูกรอบเธอ และสองเราก็หมูกรอบตัวเอง

Recommended